“Dead inside” ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่เป็นไร จะเจอเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ยอมรับมันไปจะได้จบๆ ไม่โกรธ ไม่เสียใจ ความรู้สึก “ชินชา” ที่จะเรื่องอะไรก็เข้ามาเถอะ
.
ในช่วงเวลาที่เรื่องแย่ๆ วิ่งเข้ามาหาเราอย่างไม่หยุดหย่อน ตัวเรายังคงอยู่ ณ ปัจจุบัน แต่เป็นแค่ “กายหยาบ” ทีไม่รู้สึกหรือตอบสนองอะไรแล้ว ช่วงเวลาที่เรารู้สึกอย่างนั้นเป็นเพราะเรากำลัง “เอาตัวรอด” จากบางสิ่งอย่างอยู่ แต่ไม่ใช่เป็นการต่อสู้เพื่อให้รอด
แต่เป็นการนิ่งเฉยและจำยอมกับมัน แม้ตัวเราจะรู้สึกไม่เห็นด้วย หรือไม่อยากทำก็ตาม

การเอาตัวรอดด้วยวิธีนี้เป็นหลักการง่ายๆ แม้จะดูคล้าย “การปล่อยวาง” เพราะเราเลือกที่จะไม่สนใจ แต่จริงๆ แล้วต่างกันอยู่มาก การปล่อยวาง คือ การที่เรารู้อย่างเข้าใจมองโลกในแง่ดีว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ในขณะที่ “Dead Inside” ความรู้สึกด้านชานั้น คือการบังคับจิตใจให้ปล่อยไป ไม่เต็มใจ ไม่เรียนรู้ จบไม่สนใจ แล้วก็ดำเนินชีวิตต่อไป
.
ถ้ามองในด้านดีความรู้สึกนี้ก็ช่วยเราไว้เยอะเหมือนกัน เพราะชีวิตก็ไม่ได้เจอเรื่องที่เราเต็มใจจะทำอยู่ทุกครั้ง ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว พอเราแยกความรู้สึกออกมาจากสิ่งที่ต้องเจอ ก็ไม่อะไรทำร้ายเราได้อีกแล้ว
.
แต่ในด้านที่เป็นข้อเสีย ความรู้สึกด้านชานี้จะลุกลามไปเรื่อยๆ กลายเป็นว่าเราไม่มีแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตในแต่ละวัน ทำทุกอย่างให้ผ่านๆไป ไม่มีจุดมุ่งหมาย ยิ่งจมอยู่กับมันนานขึ้นเท่าไหร่ก็จะกลายเป็นความเคยชิน จนสุดท้ายเราจะรู้สึกยอมแพ้โดยที่เรายังไม่เริ่มสู้เสียด้วยซ้ำ
.
ถ้าความรู้สึกมันเกิดขึ้นแล้วก็อย่าปล่อยให้มันอยู่นาน หาวิธีระบายมันออกมาจะร้องไห้ หรือทำเรื่องบ้าๆ สักหน่อยก็คงจะไม่เป็นไรหรอกถ้ามันจะกระตุ้นความรู้สึกของเรากลับมาบ้าง
.
การมีชีวิต คือ การมีความรู้สึก จะรู้สึกทุกข์หรือสุขก็แสดงมันออกมา อย่าปล่อยให้ความรู้สึกแย่ๆ กัดกินเราจากข้างใน เพราะในทุกช่วงของชีวิตเราคู่ควรกับการมีความสุขเสมอ