“มันคือความเหงาที่เกิดขึ้นในใจ และมันออกมาจากข้างใน”
.
เราอาจไม่เคยเผชิญกับความเหงาที่โจมตีเราอย่างร้ายกาจขนาดนี้มาก่อน เลยไม่รู้ว่าพลังของความเหงามันส่งผลกับเรามากขนาดไหน จนกระทั่ง “เราเริ่มพูดคุยกับสิ่งของ” ดอกไม้ ประตู แจกัน รถยนต์ กลายเป็นเพื่อนน่าตาแปลกประหลาดที่มีชีวิตขึ้นมาทันตาเห็น สิ่งที่เกิดขึ้นจะไปจบที่ตรงไหน และมันเกิดขึ้นมาจากความเหงาได้ยังไงกัน
ถ้าเราเริ่มให้ชีวิตกับสิ่งของที่ไร้ชีวิตเมื่อไหร่ถือเป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Anthropomorphism” เราจะคิดว่าหมอนข้างมันจะเหงาถ้าคุณไม่นอนกอดมันทุกคืน ต้นไม้กำลังเสียใจถ้าวันนึงเราต้องทิ้งบ้านไปนานๆ เพราะนอกจากการตอบโต้พูดคุยกันแล้ว เรายังให้ค่าความรู้สึกกับสิ่งของอีกด้วย และความเหงามันก็เป็นตัวกระตุ้นพฤติกรรมเหล่านี้ขึ้นมา
.
นักจิตวิทยา Nicholas Epley, Adam Waytz, และ John Cacioppo กล่าวว่า เราจะให้ค่าความเป็นมนุษย์กับสิ่งของ เมื่อ ”เราปรารถนาที่จะเข้าสังคม พูดคุยและเปลี่ยนกับผู้อื่น” และจากผลทดสอบของผู้เข้าร่วมกว่า 20 คน พบว่า คนเหงามีแนวโน้มมากกว่าคนอื่นๆ ที่จะมองเห็น #ความเป็นคนในสิ่งของอีกด้วย คำที่บอกว่า “ความเหงาจะกัดกินเราจากข้างใน” ดูเหมือนว่าได้ข้อพิสูจน์แล้วนะว่าเป็นเรื่องจริง
.
หากวันนึงได้เจอคนที่เรารัก คนที่คิดถึง และเพื่อนๆ “เราจะมองสิ่งของพวกนั้นมีชีวิตอยู่อีกไหม ?” ให้เราลองคิดดูเล่นๆ ว่าถ้าข้างกายมีคนที่เราจับต้องได้ ทำให้ยิ้มและหัวเราะได้ มันคงเป็นเรื่องเสียเวลาที่จะพูดคุยกับสิ่งของที่ไม่มีวันตอบโต้เรากลับมาได้ และนั้นเป็นคำตอบ จากการทดสอบเดียวกันของจิตวิทยาทั้ง 3 ท่าน พวกเขาให้ผู้เข้าร่วมลองคิดถึง คนที่คุ้นเคย คนรัก ครอบครัวและเพื่อนๆ ผลการทดสอบชี้ให้เห็นว่า การมีคนอยู่ด้วยกันทำให้เรารู้สึกเหงาโดดเดี่ยวน้อยลง และไม่รู้สึกว่าสิ่งของมาเป็นตัวแทนของใครได้อีก
.
ความเหงาผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แต่เราไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ เพราะช่วงนี้น่าจะมีคนเหงาแบบเราเยอะเลย เหงากันหลายๆ คนสักพักก็คงไม่เหงาแล้วล่ะ แต่ทางที่ดีเราควรหากิจกรรมทำเพื่อลดความเหงาของเราลงมาหน่อย อะไรที่เราทำแล้วรู้สึกไม่น่าเบื่อก็ลองทำดู เพราะการปล่อยให้ความเหงาอยู่กับเรานานเกินไปยังไงก็ไม่ดี
#ความเหงา
Recent Comments