เราเป็นคนชอบ “ผลัดวันประกันพรุ่ง” เสมอ ถ้ามีช่องทางไหนที่เราสามารถหลีกเลี่ยงการทำอะไรบางอย่าง หรือการตัดสินใจยากๆ ได้ เราก็จะมุ่งไปในทางนั้นทันที โดยที่เราจะมีก้อนความคิดเล็กๆ ว่า “เออน่า พรุ่งนี้ก็แล้วกัน” จนหลายครั้งก็ต้องมาจวนตัวพลาดเรื่องสำคัญในวันที่กระชั้นชิด จบลงด้วยการโทษตัวเองที่ลังเลหรือขี้เกียจก่อนหน้านี้
“อย่าไว้ใจตัวเราในวันพรุ่งนี้”
.
จริงๆ เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าประโยคนี้เราไปจำมาจากที่ไหน แต่มันเป็นคำที่อธิบายสิ่งที่เราเป็นและเตือนใจเราได้ดี หลายครั้งที่เรารู้สึกว่าเรายังมีเวลา ยังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะกว่าจะถึงกำหนด เราถึงกับวางแผนชีวิตตัวเองในวันพรุ่งนี้ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบตื่นกี่โมงทำงานตอนไหน ทุกอย่างดูดีและน่าจะเป็นไปได้ทั้งนั้น แต่การเขียนกับการลงมือทำความทุ่มเทมันต่างกัน พอวันพรุ่งนี้เดินทางมาถึงเราก็เมินเฉยแผนที่ตัวเองเสียเวลาคิดไว้ ฉีกคำพูดของตัวเองเป็นชิ้นๆ และไม่สนใจทำในสิ่งที่เราควรทำ จนวันนึงมันกลายเป็นความเคยชินของเราไป
.
ตัวเองในวันพรุ่งนี้เราไม่มีทางรู้ว่าจะเป็นยังไงแล้วทำไมเราถึงไว้ใจละ ? ในเมื่อสิ่งที่เราอยากทำมันเริ่มได้ในตอนนี้ ทำไมถึงไม่เริ่ม ? น่าแปลกที่เรามักคิดว่าตัวเรามีเวลาอยู่บนโลกนี้อีกมากมายราวกลับว่าความตายจะไม่มีวันมาถึง คิดเสมอว่าพรุ่งนี้จะมีโอกาสได้ลืมตาอีกครั้งเลยปล่อยให้เวลาหมดลงไปเรื่อย ๆ
.
เราเพิ่งเริ่มรู้ตัวในตอนหลังที่เราพลาดโอกาสหลายอย่างในการรอคอย ร่วมถึงผลัดผ่อนสิ่งที่อยากทำหรือต้องทำไปเรื่อยๆ อันที่จริงตัวเราในวันพรุ่งนี้ก็เหมือนคนที่เราไม่รู้จักไม่เคยเจอ อย่าไปไว้ใจเขามากว่าจะทำตามที่เราคาดหวังเอาไว้ได้ การลงมือทำ ณ เวลานั้นคือวิธีสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ตอนเริ่มต้นมันยากเสมอนั้นแหละ แต่ไม่นานเราก็จะชินและทำหลายๆ อย่างได้ดีขึ้นเอง เวลาไม่เคยรอใคร เราไม่รู้ว่าสำหรับเราจะมีวันพรุ่งนี้อีกไหม ดังนั้นลงมือทำทุกอย่างที่อยากทำเถอะและทำมันให้ดีที่สุด
Recent Comments