#จะดูแลลูกไม่ให้บูลลี่ผู้อื่นได้อย่างไร
.
โดยสัญชาตญาณ​แล้วพ่อแม่มักจะปกป้องลูกของตนเองเสมอ จึงไม่แปลกที่เราจะได้ยินคำพูดทำนองที่ว่า “ลูกฉันเป็นเด็กดี” หรือ​ “ลูกฉันไม่ทำอะไรแบบนั้นแน่” ซึ่งในหลายครั้งพ่อแม่อาจไม่เคยรู้ว่าพฤติกรรมของลูกตอนอยู่ที่โรงเรียนนั้นต่างจากตอนที่อยู่บ้านมากแค่ไหน ซึ่งการให้ท้ายปกป้องทั้งที่ผิด หรือการเข้าข้างจนเกินพอดี สามารถส่งผลให้ลูกมีนิสัยไม่ดีติดตัว และเติบโตไปเป็นคนที่ก่อปัญหาของสังคมได้ในอนาคต


.
จากการศึกษา พบว่าเด็กที่กลั่นแกล้งผู้อื่นมักจะมีความภาคภูมิใจในตนเองต่ำ​ อาจจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ติดสารเสพติด​ มีพฤติกรรมลักขโมย​ ไม่ประสบความสำเร็จในการเรียน​ มีพฤติกรรมทางเพศก่อนวัยอันควรทำให้เกิดปัญหาตั้งครรภ์โดยที่ไม่พร้อม​ และอาจจะเป็นอาชญากรในอนาคต
.
ดังนั้น การปลูกฝังให้เด็กมีความรู้สึกภูมิใจในตนเอง รู้สึกว่าตนเองเป็นที่รัก เมื่อเด็กมีปัญหาการเรียนและพฤติกรรมที่โรงเรียน พ่อแม่ควรประสานกับครูเพื่อทำความเข้าใจและช่วยเด็กแก้ปัญหา เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาบานปลาย
.
นอกจากนี้พ่อแม่ยังสามารถสอนลูกให้หลีกเลี่ยงจากพฤติกรรมบูลลี่ผู้อื่นได้ ด้วยวิธีการดังนี้
.
1.#การสร้างครอบครัวที่อบอุ่น

การสร้างครอบครัวให้อบอุ่นเป็นพื้นฐานที่มีความสำคัญมาก เพราะจะทำให้ลูกรู้สึกว่าเป็นที่รักและสามารถเติบโตมาอย่างเป็นคนที่มีความเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของตนเองและผู้อื่นได้ดี ในทางตรงข้ามถ้าพ่อแม่ละเลย ไม่ให้ความสำคัญกับลูกตั้งแต่วัยเล็กๆ อาจจะทำให้ลูกมีพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจในทางที่ผิดและ บูลลี่คนอื่นได้

2.#การสอนลูกให้ภูมิใจในตัวเอง
.
เมื่อลูกมีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเก่ง เป็นคนดี เป็นที่รัก เด็กที่มีความรู้สึกแบบนี้จะทำสิ่งดีๆ เพื่อให้ตัวเองยังคงรู้สึกแบบนี้ต่อไป

ในทางกลับกันเด็กที่ชอบแกล้งคนอื่น เพราะรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง และรู้สึกว่าตัวเองมีปมด้อย เพื่อแสดงให้คนอื่นเห็นว่าเราเจ๋งแค่ไหน จึงทำตัวให้เป็นที่สนใจ
.
3.#สอนลูกให้เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น

ฝึกให้เด็กรู้จักมองในมุมของคนอื่นดู​ อาจจะผ่านการเล่านิทานตั้งแต่เล็กๆ​ หรือสอนจากสถานการณ์จริง​ เริ่มง่ายๆ ด้วยการที่พ่อแม่เอาใจลูกมาใส่ใจตัวเอง รับรู้อารมณ์เข้าใจอารมณ์ต่างๆ ของลูก​ เด็กก็จะสามารถเรียนรู้จากพ่อแม่ว่าการเอาใจเขามาใส่ใจเราเป็นเรื่องที่สำคัญ การใช้นิทานช่วยปลูกฝังคุณธรรมให้ลูก โดยเลือกนิทานที่มีตัวละครเนื้อเรื่องเหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูก และให้ลูกเห็นว่าในนิทานผลของการแกล้งเพื่อน หรือคนที่แกล้งเพื่อนจะเป็นอย่างไร
.
4.#สอนให้ลูกรู้จักวางตัวในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น

การสอนให้เด็กรู้จักวางตัวในการอยู่กับคนอื่น เช่น​ การสอนให้เด็กรู้ว่าหากเราอยากให้คนอื่นทำดีกับเราเราก็ควรปฏิบัติตัวในทางที่ดีกับคนอื่นด้วย และ ควรสอนเรื่องการวางตัวที่ดีกับเพื่อน ให้เกียรติเพื่อน​ ไม่รังแกเพื่อน
.
5.#สอนด้วยการเป็นตัวอย่างให้ลูก

หากคุณพ่อคุณแม่ยังแกล้ง แหย่ ตะคอกด่า ใช้อารมณ์รุนแรง นินทา หรือตัดสินคนอื่นจากภายนอก จะส่งผลให้ลูกเข้าใจผิดคิดว่าการกระทำนี้เป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องสนุก และเลียนแบบนำเอามาใช้กับเพื่อนๆ ดังนั้นการเป็นแบบอย่างที่ดี และสอนให้เด็กมีพฤติกรรมทางสังคมที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย ก็จะช่วยลดโอกาสที่ลูกจะมีพฤติกรรมในเชิงลบกับเพื่อนคนอื่น
.
6.#ควนสอนลูกให้รู้จักควบคุมอารมณ์

การสอนลูกให้ควบคุมอารมณ์เมื่อโกรธ เช่น หายใจเข้าออกลึกๆแล้วนับ 1-10 และเบี่ยงเบนไปทำสิ่งอื่นตอนที่โกรธ​ แทนที่จะไปทำร้ายคนอื่น​ หรือให้ลูกบอกกับคุณครูว่ากำลังโกรธ เพื่อให้คุณครูเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้
.
7.#สอนให้ลูกรู้ว่าการรังแกผู้อื่นเป็นพฤติกรรมที่ยอมรับไม่ได้

ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียนต้องตั้งกฎระเบียบให้ชัดเจน เกี่ยวกับการรังแกคนอื่นลูกจะได้รับบทลงโทษอะไรบ้าง เช่น งดเล่นเกม ถูกตัดสิทธิ์ต่างๆ​ นอกจากนี้ควรสอนให้ลูกเคารพสิทธิของคนอื่น
.
8.#สอนลูกให้รับผิดชอบกับสิ่งที่ทำ

ลูกควรจะได้เรียนรู้ความรับผิดชอบ​ เช่น ถ้าแกล้งเพื่อนทำให้เพื่อนเจ็บ​ เราต้องไปขอโทษและสำนึกผิด​ แล้วจะต้องถูกทำโทษ​ เช่น การตัดสิ่งที่ชอบออก การทำความดีชดเชย แต่ควรหลีกเลี่ยงการทำโทษที่รุนแรงเพราะอาจทำให้เด็กเรียนรู้ความรุนแรงและนำไปแกล้งเพื่อนต่อไป
.
9.#ควรหาเวลาคุยกับลูก

สิ่งที่ควรทำถ้าพบว่ามีอะไรผิดปกติกับลูกของคุณ นั่นคือการพูดคุยเอาใจใส่กับความรู้สึกของลูก ให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่ใส่ใจและพร้อมรับฟังอย่างไม่จับผิด อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเด็กผิด ควรสอบถามถึงเหตุที่มาที่ไปและทำความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นก่อน
.
10.#หาคนช่วยแก้ปัญหา

หากพ่อแม่ไม่สามารถจัดการปัญหานี้ได้ด้วยตัวเอง การปรึกษาครูประจำชั้น หรือการพาลูกไปพบจิตแพทย์เด็กและ​วัยรุ่น​ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหานี้ลงได้ โดยเฉพาะในเด็กที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวการพาไปพบจิตแพทย์​เด็ก​และ​วัยรุ่น​ก็จะสามารถได้รับแนวทางเพื่อแก้ไขพฤติกรรมอย่างถูกต้อง
.
การสอนให้ลูกเข้าใจในเรื่องของการบูลลี่เป็นสิ่งสำคัญมากที่จะทำให้เด็กเติบโตขึ้นไปในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ และไม่ทำร้ายเพื่อนและผู้อื่นทั้งทางตรงทางอ้อม รู้ว่าข้อเสียของการบูลลี่คืออะไร และต้องทำตัวอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดนี้เริ่มได้ง่ายๆ จากในครอบครัว​
.
#OOCAprovider