“ผมเห็นเพื่อนถูกทำร้าย ครูก็เห็นอยู่ไม่ใช่เหรอครับ ผมห้ามแต่เขาไม่ฟัง ผมก็เลยต่อยเขา ผมรับผิดที่ต่อยเพื่อน แต่ผมไม่เสียใจเลยสักนิด” จากเหตุการณ์ที่พัคแซรอยเข้าไปช่วยเพื่อนที่ถูกบูลลี่นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทุกอย่าง คำพูดที่หนักแน่นในวันนั้นได้ทำให้เขาได้ค้นพบเส้นทางที่ใช่สำหรับตัวเอง

Itaewon Class (2020) ซีรี่ย์ที่จุดประกายให้คนลุกขึ้นมาสู้กับโชคชะตา ด้วยคาแรกเตอร์ของ “พัคแซรอย” ที่ชัดเจนในความคิดและซื่อตรงต่อการกระทำ ไม่ว่าชีวิตจะเจอกับอะไรเขาก็ไม่เคยเปลี่ยนไป หลายคนนับถือเขาเป็น role model เพราะความเชื่อมั่นและยุติธรรมของพัคแซรอยเป็นสิ่งที่คนทั่วไปชื่นชมแต่ยากที่จะเป็นได้

พัคแซรอยเพิ่งย้ายโรงเรียนมาให้ก็เกิดเรื่องทะเลาะวิวาท ในห้องเรียนมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งถูกแกล้งจากชางกึนวอน ลูกชายของเศรษฐีระดับประเทศที่มีอิทธิพลมาก ทุกคนในห้องทำเหมือนว่าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครยื่นมือเข้าไปช่วยเลย แม้แต่ครูเองก็ทำเป็นมองไม่เห็นและไม่กล้าแม้แต่จะเรียกชื่อชางกึนวอนด้วยซ้ำ

นี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็น…เขาไม่สามารถทนเห็นคนถูกรังแกแบบนี้ได้ จึงเดินเข้าไปห้าม แต่เหตุการณ์กลับบานปลายจนถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน แซรอยถูกครูเรียกไปกดดันให้ขอโทษกึนวอน เมื่อไม่ยอมทำ โรงเรียนเลยตัดสินว่าเขาใช้ความรุนแรง ครูเรียกพ่อของทั้งสองคนมาพบ ท่าทีของครูแสดงออกชัดเจนว่าเกรงใจพ่อของกึนวอนขนาดไหน แถมเขายังเป็นเจ้านายของพ่อแซรอยด้วย “ฉันอยากให้เธอคุกเข่าขอโทษลูกชายฉัน” พ่อของกึนวอนยื่นข้อเสนอ เพื่อแลกกับการไม่ต้องถูกไล่ออกจากโรงเรียนและปกป้องหน้าที่การงานของพ่อตัวเอง แซรอยเหมือนจะไม่มีทางเลือกอื่น

“ถ้าเราทำความผิด เราต้องได้รับการลงโทษ นั่นคือสิ่งที่พ่อผมสอนมา แต่พ่อก็สอนผมด้วยว่า เราต้องใช้ชีวิตตามที่เราเชื่อ … มันผิดที่เขารังแกเพื่อนในชั้น ทั้งๆ ที่ครูก็เห็นอยู่ไม่ใช่เหรอครับ ผมคงขอโทษเขาไม่ได้ เพราะว่าผมไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิด” แม้แซรอยจะรู้ดีว่าโลกภายนอกนั้นเลวร้ายและอำนาจเป็นสิ่งที่น่ากลัว อะไรที่ทำให้แซรอยเชื่อว่าจะเอาชนะสิ่งเหล่านี้ได้

“ผมไม่อยากเชื่อว่าเจ้าเด็กนี่จะเป็นลูกผม … แต่เขาเท่จริงๆ” พ่อของแซรอยกล่าวทั้งรอยยิ้มและน้ำตา “เขาทำในสิ่งที่เขาคิดว่าถูกต้องและรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ ผมก็คงไม่มีอะไรจะพูดแล้ว” สิ่งที่พ่อพูดเท่ากับว่าพ่อยอมทิ้งหน้าที่การงานเพื่อปกป้อง “ความเชื่อ” ของแซรอย

“พ่อสอนแกให้ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองเชื่อ วันนี้พ่อได้เห็นว่าแกใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่ แกไม่รู้หรอกว่าพ่อภูมิใจในตัวแกขนาดไหน … ขอให้ใช้ชีวิตอย่างนี้ต่อไปนะ” พ่อสอนแซรอยว่าเขาไม่ควรใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา แต่เขาภูมิใจมากที่ลูกชายยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง แม้แต่พ่อเองยังไม่รู้เลยว่าเขาจะกล้าหาญเท่าแซรอยหรือเปล่า

ชีวิตของแซรอยคงไม่เหมือนเดิม ถ้าวันนั้นพ่อบังคับให้เขาคุกเข่าลงไป แต่พ่อกลับเลือกที่จะเชื่อใจเขาแทน ภาพที่พ่อยอมรับเขาด้วยหัวใจทั้งหมด จะอยู่กับแซรอยไปตลอดและเป็นเหมือนคำสัญญาระหว่างเขากับพ่อว่าจะใช้ชีวิตให้ดี ให้สมกับที่พ่อเชื่อในตัวเขา หลายคนบอกว่าแซรอยมีทักษะทางสังคมบกพร่อง ความเถรตรงของเขาทำให้เข้ากับคนอื่นได้ยาก บางครั้งดูเหมือนไม่ยืดหยุ่น ดื้อรั้น และต่อต้าน

ในหลายๆ ครั้งคนรอบข้างพยายามเปลี่ยนสิ่งที่ผิดให้กลายเป็นถูก เพียงเพราะอยากเป็นที่ยอมรับของคนอื่น ไม่อยากแตกต่างจนดูเหมือนนอกคอก แต่แซรอยก็ยังยืนยันว่า “ผิด” คือ “ผิด” และเขาจะทำในสิ่งที่ “ถูก” เท่านั้น เราคิดว่าที่แซรอยก้าวผ่านทุกอย่างไปได้ด้วยใจที่ซื่อตรงเพราะคำพูดของพ่อในวันที่พาเขาเดินออกจากโรงเรียน

ขอแค่ใครสักคนที่เชื่อใจและสนับสนุนเราอย่างไม่มีเงื่อนไข เราจะเป็นเราที่เปล่งประกายได้อย่างพัคแซรอย ส่วนหนึ่งที่เขาสามารถวิ่งไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงเพราะเขารู้ว่าตัวเองไม่ได้โดดเดี่ยวในโลกใบนี้

อูก้ายินดีที่จะรับฟังและคอยสนับสนุนคุณเสมอ สามารถทักมาพูดคุยกับพี่ๆ นักจิตวิทยาและจิตแพทย์ของเราได้หากคุณกำลังมองหาเพื่อนที่เข้าใจอย่าลืมให้อูก้าช่วยดูแลนะคะ