“ฉันเริ่มคิดเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นมองฉันแล้วก็เริ่มกลัว ฉันสู้ด้วยตัวเอง ขนาดฉันบอกออกไปว่ากำลังต่อสู้ดิ้นรนอยู่ แต่กลับไม่มีใครฟังเลย ฉันยื่นมือออกมาขอความช่วยเหลือแล้ว แต่ไม่มีใคร…สักคนที่จะมาช่วยฉัน นั่นคือตอนที่ข้างในฉันแตกเป็นเสี่ยงๆ” บทสัมภาษณ์ของซอลลี่ที่เล่าถึงความเจ็ปปวดจากการถูกบูลลี่มาเป็นระยะเวลาหลายปี

พูดถึง “การฆ่าตัวตาย” ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาประเทศเกาหลีใต้สูญเสียคนในวงการไปหลายคน สำหรับคนที่เติบโตมาพร้อมกับกระแส kpop ฟีเวอร์ต้องรู้จักจงฮยอน วง SHINee , คูฮารา วง KARA และซอลลี่ เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีคนอื่นๆ อีก เช่น โซจิน ศิลปินฝึกหัดของ DSP Entertainment นักแสดงตลกพัคจีซอน

ท่ามกลาง spotlight ที่สวยงาม พวกเขาถูกประเมินคุณค่าแทบจะตลอดเวลา ทั้งเรื่องหน้าตา ความสามารถ นิสัย การแสดงออก เรียกได้ว่ามีคนจับตามองทุกฝีก้าว ต่อให้มีแฟนคลับมากมาย แต่หากทำผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย คุณก็อาจจะถูกตำหนิจากชาวเน็ตเกาหลี (เรียกว่า เนติเซน) หรือ “แอนตี้แฟน” ได้ เมื่อไรก็ตามที่กระแสตกลง ค่ายจะกดดันศิลปินอย่างมากและคุณอาจถูกลอยแพได้ง่ายๆ

เมื่อความเจ็บปวดรุมเร้าอาการป่วยทางใจจึงเกิดขึ้น เช่น โรคซึมเศร้า โรคตื่นตระหนก โรควิตกกังวล โรคบูลิเมีย เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันที่คนดังจำนวนมากที่ออกมาเปิดเผยถึงสุขภาพใจของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น IU , ซูจี , แทยอน SNSD , ฮยอนอา , G-dragon Bigbang , มินะ TWICE , คังแดเนียล และอื่นๆ อีกมากมาย ถ้ามองภายนอกพวกเราไม่มีทางรู้เลยว่าพวกเขาทุกข์ทรมาณขนาดไหน เพราะพวกเขาต่างยิ้มแย้มและทำงานอย่างต่อเนื่อง

Cyber-bullying ที่เกาหลีน่ากลัวขนาดไหน

เนติเซนส่วนหนึ่งเชื่อว่าการจะเป็นคนดังต้องทนรับกับความคิดเห็นได้ทุกแบบ “คุณจะดังได้ยังไง ถ้ามีจิตใจที่อ่อนแอขนาดนั้น คุณต้องแสดงต่อหน้าผู้คนตั้งมากมาย”

ทำไมเราถึงต้องทดสอบความแข็งแรงของจิตใจคนอื่นด้วยล่ะ จำเป็นด้วยหรือที่จะต้องพูดจาร้ายๆ กับใครสักคนเพียงเพราะเราคิดว่าอีกฝ่ายควรได้รับมัน “เวลาที่ได้รับข้อความ ฉันไม่รู้อารมณ์ของพวกคุณมันเลยน่ากลัว ถ้าอ่อนโยนกับฉันอีกสักหน่อยก็คงดีนะ” นี่คือสิ่งที่ซอลลี่เคยพูดขณะไลฟ์คุยกับแฟนๆ

และเมื่อทราบข่าวการจากไปของคนดังเนติเซนได้ออกมาพูดว่า “ผมไม่คิดว่าเธอจะมีช่วงเวลาที่แย่จากคอมเมนต์คุกคามทางเพศ ผมคิดว่าคนดังต้องเข้าใจว่าไม่ได้จะมีแต่คนรักและชื่นชม พวกเขาต้องทนต่อคอมเมนต์แย่ๆ ให้ได้เหมือนกัน เพราะพวกเขาก็ได้สิ่งแลกเปลี่ยนเป็นชีวิตดีๆ ไม่ใช่เหรอ พวกเขามีเสื้อผ้าดีๆ ใส่ มีรถแพงๆ ขับ แล้วก็มีทุกอย่างที่ดูดี” เรียกได้ว่าคนทั่วไปยังขาดความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดจากการถูกบูลลี่

การถูกบูลลี่เป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างความเจ็บปวดให้คนดังมากมาย นอกจากนี้พวกเขายังเติบโตมาในสังคมและระบบฝึกหัดที่เข้มงวด การแบกความฝันและความคาดหวังตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้พวกเขาสะสมความเครียดเอาไว้ กว่าจะเป็นคนดังที่ประสบความสำเร็จ ข้างใจก็ถูกทำลายจนเปราะบางเสียแล้ว

หลังจากต่อสู้มาอย่างยาวนาน พวกเขาได้เลือกที่จะไปอยู่ในที่ที่สงบกว่าเดิม คงโทษพวกเขาไม่ได้ที่ตัดสินใจแบบนั้น ซอลลี่อธิบายถึงความสับสนในใจที่เธอเฝ้าถามตัวเอง “ฉันเป็นใครกัน แล้วฉันทำอะไรผิดนะ ‘อยากจบทุกอย่าง’ นั่นเป็นสิ่งที่เข้ามาให้หัวบ่อยมาก” มันคงจะดีถ้าก่อนหน้านี้หัวใจที่บอบช้ำของพวกเขาได้รับการเยียวยา “ได้โปรดเอ็นดูฉันด้วย ช่วยอ่อนโยนกับฉันหน่อยนะคะทุกคน”

แม้จะยากแต่เชื่อเถอะว่าเราจะอยู่ได้ด้วความเข้าใจ ชูก้าวง BTS เคยให้สัมภาษณ์ว่า “ผมวิตกกังวลและอยู่อย่างโดดเดี่ยวตลอดมา และการที่คุณเลือกจะเป็นเพื่อนกับมัน ก็ต้องการทั้งชีวิตในการทำความเข้าใจ”

อย่าลืมว่าเรื่องของ “ชีวิต” ไม่ใช่สิ่งที่จะวิพากษ์วิจารณ์กันเพื่อความสนุก

ขอมอบบทความนี้ให้ดาวทุกดวงที่ลอยกลับขึ้นไปอยู่บนฟ้าและหวังว่าโลกใบนี้จะอ่อนโยนมากกว่าเดิม

เพราะเราอยากทุกคนรู้สึกสบายใจ หากคุณได้รับความเจ็บปวดจากการถูกบูลลี่หรือมีปัญหาที่อยากเล่าให้เราฟัง อูก้ายินดีเคียงข้างคุณเสมอ สามารถปรึกษาพี่ๆ นักจิตวิทยาและจิตแพทย์ของเราได้ทั้งทางแอปพลิเคชันและเว็บไซต์เลยนะคะ