“เข้าลิงก์นี้เลย เจอกันทุ่มนึง”

“คืนนี้ beer night หน่อยมั๊ยเพื่อน ?”

“ไม่อยากดูหนังคนเดียว ขอ movie night กับพวกแกหน่อย”

จากที่เคยบอกว่าเจอกันร้านไหน ทุกวันนี้กลับเปลี่ยนไปกลายเป็นเปิดจอเพื่อคุยกันแทน เพราะช่วงโควิดที่ยาวนานสุดแสนจะเบื่อ อยากไปชิลกับเพื่อนตามคาเฟ่ร้านอาหารแต่ดันปิดแล้วปิดอีก ไม่รู้รอบนี้จะยาวแค่ไหน กลายเป็นนัดเจอเพื่อนที่ไหนก็ไม่สะดวก กี่ครั้งกี่ทริปมีแต่ล่ม แถมบางช่วงต้องกักตัวยาว สุดท้ายได้แต่ส่งไลน์ไปทัก ส่องเฟสบุ๊กไอจีกันและกันวนไป 😰

หลายคนเลยเปลี่ยนวิธีนัดหมายหันมาคุยกันผ่านจอ เจอเพื่อนแบบเสมือนจริง (Virtual meeting) แทน เพราะไม่อยากจะห่างหายกันไป แต่จริงๆ แล้วเรารู้สึกห่างเหินกับเพื่อนบ้างหรือเปล่า ? หรือก็ยังรู้สึกว่าแนบแน่นดี บางคนรู้สึกว่าถ้าไม่นัดกันแบบออนไลน์ก็คงไม่มีทางได้ใช้เวลากับเพื่อนเลย ในช่วงที่ทุกคนอยู่แต่บ้านไม่ก็ work from home กันเป็นเดือน ๆ 😓

เจอกันผ่านจอยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

แน่นอนว่าคุยไลน์ก็ไม่เหมือนเจอหน้า สังสรรค์ผ่านจอก็อาจไม่สนุกเท่าเจอตัวจริง แต่การที่เรายังพยายามหากิจกรรมอะไรทำร่วมกัน ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าเราให้คุณค่ากับความสัมพันธ์ระหว่างเรากับอีกฝ่าย อย่างน้อยในช่วงที่ห่างกันต่างคนต่างยังหาเวลาเพื่อแลกเปลี่ยนเรื่องราวซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะด้วยคิดถึงหรือห่วงใย เชื่อว่าการเจอกันผ่านจอก็ยังช่วยกระชับมิตรภาพได้และทำให้รู้สึก feel good ไม่มากก็น้อย ถือเป็นวิถีใหม่สำหรับใช้เวลาร่วมกับคนสำคัญ

รักษาความสัมพันธ์กันด้วย ‘ความสม่ำเสมอ’

เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนมีเพื่อนที่ไม่เจอกันเป็นปี ๆ แต่พอได้นัดกี่ที ๆ ก็รู้สึกสนิทใจเหมือนเดิม เราอาจลองจินตนาการว่านี่คือความรู้สึกเดียวกัน ถึงแม้ว่าตัวจะอยู่ห่างไกลกันคนละที่ ก็ใช่ว่าเราจะต้องคุยกันทั้งวันทั้งคืน หรือนัดเจอกันในจอเป็นมีตติ้งอะไรจริงจัง เพราะการอยู่บ้านนาน ๆ อาจทำให้หลายคนคุ้นชินกับการอยู่คนเดียว จนเหนื่อยล้าเวลาเจอคนได้

ถ้าต้องบังคับตัวเองให้เปิดคอม เข้าลิงก์ เพื่อที่จะคุยกับเพื่อนอีก อาจรู้สึกเบื่อหน่ายกับการสังสรรค์เข้าไปใหญ่ ดังนั้นการหมั่นคุยด้วยความสม่ำเสมอจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับทุกคน ถามไถ่กันวันละนิดวันละหน่อย คุยกันในเวลาที่สบายใจและแลกเปลี่ยนในเรื่องราวที่ได้พบเจอมา น่าจะทำให้เรามีบทสนทนาใหม่ๆ และไม่ห่างหายกันไปไหน

เหมือนที่เราชอบพูดกันว่า “ไม่เน้นปริมาณ แต่เน้นคุณภาพ” การสื่อสารกับเพื่อน หรือคนอื่นเพื่อรักษาความสัมพันธ์ก็น่าจะเป็นไปในรูปแบบนั้นเช่นกัน แค่ทุก ๆ ครั้งที่คุยกันแล้วได้ส่งต่อความรู้สึกเชิงบวกก็ดีต่อใจแล้ว ต่อไปคือการรักษาสมดุลระหว่าง Virtual meeting และ Face-to-Face meeting เมื่อมีโอกาส ถึงแม้การเจอกันต่อหน้าจะดูยั่งยืนและดูมั่นคงต่อความสัมพันธ์มากกว่า แต่มันก็คือการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์บางอย่างเพื่อที่จะคงความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างไว้ 🙂

ข้อดีของความห่างคือรู้จักหาเวลาให้กันและกัน

จากที่เราเจอหน้าเพื่อนง่าย ๆ วันนี้สถานการณ์อาจทำให้เราได้ฉุกคิดถึงความสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบที่อยู่ในชีวิตและประเมินดูว่าที่ผ่านมา เราให้น้ำหนักกับความสัมพันธ์ต่าง ๆ เหมาะสมดีหรือไม่ ? เพราะการเจอแบบ Virtual meeting นั้นเราสามารถทำได้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็นครอบครัว แฟน เพื่อนสนิท หรือแม้แต่ในเรื่องงาน

ลองหาวิธีการสื่อสารใหม่ ๆ ที่ช่วยซัพพอร์ตให้ความสัมพันธ์ยังคงมีความหมายในระยะเวลาที่ต้องห่างกัน ปกติเราก็พลาดงานสังสรรค์หรือเจอเหตุการณ์ ‘นัดล่ม’ อยู่บ่อย ๆ เราอยากบอกว่า Virtual meeting ก็ช่วยได้ เพราะไม่ใช่แค่ทักทายแต่การพูดคุยถึงเรื่องราวดี ๆ การเล่นเกมหรือดูหนังด้วยกัน ปัจจุบันไม่จำเป็นต้องรอให้เจอหน้ากันถึงทำได้ เพราะเทคโนโลยีได้คิดค้นมาเพื่อเราแล้ว เหลือแค่ต้องนำไปใช้เพื่อสร้างความทรงจำดี ๆ กับคนที่เราคิดถึง

อย่าเพิ่งโอดครวญว่าการไม่เจอหน้าทำให้มิตรภาพจืดจางไป หากความใส่ใจยังคงอยู่ เชื่อว่าทุกคนจะมีวิธีรักษาความสัมพันธ์ในแบบที่เหมาะกับตัวเองแน่นอน และหากรู้สึกไม่สบายใจหรือเหงาเพราะการรักษาระยะห่าง ก็สามารถเลือกอูก้าเป็นเพื่อนรู้ใจไว้พูดคุยได้นะ จิตแพทย์และนักจิตวิทยาของเราพร้อมรับฟังทุกปัญหาใจของทุกคนเสมอ 💙💚

#OOCAstory

________________________________⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀

ปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาผ่านวิดีโอคอล นัดคุยได้เลย
🔹 ดาวน์โหลดแอปฯ หรือคุยผ่านเว็บไซต์ > https://ooca.page.link/qYhz
✨ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและบริการของ ooca ได้ที่ > https://ooca.page.link/oocaservice
📬 พบปัญหาการใช้งาน ทักแชทมาหาเรา > http://bit.ly/msgfbooca

#OOCAitsOK #WeWillListen #เรื่องของใจให้เรารับฟัง #แอปปรึกษาจิตแพทย์และนักจิตวิทยา #mentalhealth #สุขภาพจิต #เครียด #ซึมเศร้า #พบจิตแพทย์