ท่ามกลางความเครียดและความกดดันจากข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เรามักจะเห็นความคิดเห็นบางส่วนบนโซเชียลมีเดีย ที่ออกมาชื่นชมหรือพยายามหาข้อดีจากสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ ในยุคนี้คงเรียกการกระทำเหล่านี้ว่าเป็นการ “โรแมนติไซส์” (romanticize) ความเดือดร้อนของผู้อื่น ซึ่งหลายครั้งความเห็นเหล่านั้นมักถูกตอบโต้ด้วยถ้อยคำมากมาย 🤔

‘โง่’

‘ไม่ใช่คนแล้ว’

‘ทำไมไม่ใช่คุณที่ตาย’

‘ก็ลองไปตายเป็นเพื่อนเขาสิ’

ความโกรธ ความเครียด ความอึดอัด ทุกพลังงานลบถูกอัดรวมกันแล้วยิงออกมาผ่านคำพูด หมายมั่นให้คนฟังรู้สึกเจ็บปวดใจเหมือนที่ใครหลายคนต้องเผชิญในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่จริงแล้วหรือที่ว่า ‘การพยายามมองโลกในแง่บวกจากสถานการณ์นี้’ แปลว่ากำลังมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น ? หรือบางทีพวกเขาอาจจะกำลัง “หนีความจริงที่โหดร้าย” ด้วยการตะเกียกตะกายหาพลังงานบวก แม้เพียงเล็กน้อยก็เพียงพอให้มีกำลังใจจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสักหน่อย.. 😥

“มองข้ามความเดือดร้อนของคนอื่น”

หลายคนกำลังโดนประโยคนี้กดทับหัวใจให้หนักอึ้งอยู่หรือเปล่า ?

เพราะเห็นว่ามีคนมากมายต้องเดือดร้อน จึงไม่กล้ามีความสุขได้เต็มอก ไม่กล้าอนุญาตให้ตนเองได้รู้สึกดีเพราะมีคนอีกมากมายกำลังร้องขอความช่วยเหลือ มีคนอีกมากมายกำลังล้มหายตายจากอย่างไม่เป็นธรรม นานวันเข้าหัวใจก็ขาดแคลนพลังงานบวกจนพาให้เหนื่อย ท้อ และสิ้นหวัง ทั้งทีความจริง เราสามารถมีความสุขพร้อมกับถือความทุกข์ไว้ในมือไปด้วยก็ได้ 👌🏻

เพราะโลกนี้เป็นสีเทา ไม่มีขาวหรือดำที่ชัดเจน จึงไม่แปลกเลยหากสองสิ่งที่ตรงข้ามกันจะอยู่ร่วมกันได้ เช่นเดียวกับความทุกข์และความสุข เราสามารถมีความสุขกับบางเรื่อง โดยที่ตระหนักถึงข้อเสียหรือผลกระทบจากมันได้ไปพร้อม ๆ กัน เราสามารถใช้หลอดพลาสติกโดยตระหนักได้ว่ามันส่งผลกระทบอย่างไรต่อสิ่งแวดล้อม เราสามารถเสพซีรี่ย์สนุก ๆ หรือยิ้มให้กับท้องฟ้าพร้อมกับรู้ว่าอีกมุมหนึ่งของโลกกำลังมีคนที่เดือดร้อน ไม่ผิดอะไรเลยหากเราจะหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมกัน เพราะทุกคนก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

🚫 ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แปลว่าการโรแมนติไซส์เชื้อไวรัสโควิด-19 จะเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือควรทำ 🚫

การโรแมนติไซส์ นอกจากจะเป็นการทำร้ายจิตใจคนที่กำลังเดือดร้อนแล้ว ยังนับป็นการหนีปัญหาอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วปัญหาหรือต้นตอของปัญหาที่แท้จริงจึงไม่ได้รับการแก้ไข จนอาจทำให้อะไรหลายอย่างต้องแย่ลงจนกระทั่งถึงจุดที่หนีไม่ได้อีกต่อไป ถึงตอนนั้นก็อาจจะสายเกินกว่าจะแก้ไขอะไรได้อีก ไม่ได้แปลว่าห้ามหนีปัญหาหรือต้องฝืนเผชิญหน้าในเวลาที่เรายังไม่พร้อม แค่ระหว่างที่กำลังพักชาร์จใจ ระวังไม่ให้คำพูดตนเองต้องไปทำร้ายจิตใจของหลายคนที่กำลังเดือดร้อน หรือต่อสู้กับความยากลำบากนี้อยู่อย่างสุดชีวิต เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

คนแต่ละคนมีความพร้อมและวิธีรับมือกับความเครียด ความหดหู่ หรือความสิ้นหวังต่างกัน บางคนอาจจะพุ่งเข้าชนเพื่อรีบแก้ไขให้เสร็จสิ้น บางคนอาจจะต้องการเวลาในการเตรียมใจและกายให้พร้อมก่อนเผชิญหน้ากับมันอย่างจริงจัง คงจะดีหากเราเข้าใจความแตกต่างของกันและกันในเรื่องนี้ คงจะดีหากเราใจดีกับตัวเองและคนรอบข้างมากขึ้นอีกสักหน่อย เพื่อระวังไม่ให้เราต้องเป็นแหล่งเผยแพร่พลังงานลบสู่สังคมโดยที่ตนเองไม่ได้ตั้งใจ

การยอมรับความจริง และการแยกแยะข้อดีและข้อเสียก็เป็นเครื่องมือที่ดีที่จะทำให้เราประเมินสถานการณ์อย่างถี่ถ้วนว่าเรากำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไรบ้าง เช่นนั้นเราจึงจะเห็นสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นและแก้ไขมันได้อย่างตรงจุด แม้จะเครียด อึดอัด หรือเจ็บปวดมากเพียงใด อูก้าขอเป็นกำลังใจและหนึ่งในแรงสนับสนุน ที่จะคอยจับมือทุกคนก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน ไม่ว่าที่ไหนหรือเมื่อไร เรื่องของใจให้เรารับฟัง ติดต่อมาพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญของเราได้ตลอดเลยนะ 💚💙

#OOCAissue

________________________________⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀

ปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาผ่านวิดีโอคอล นัดคุยได้เลย
🔹 ดาวน์โหลดแอปฯ หรือคุยผ่านเว็บไซต์ > https://ooca.page.link/romanticizeblog
✨ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและบริการของ ooca ได้ที่ > https://ooca.page.link/oocaservice
📬 พบปัญหาการใช้งาน ทักแชทมาหาเรา > http://bit.ly/msgfbooca.⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀

#OOCAitsOK #WeWillListen #เรื่องของใจให้เรารับฟัง #แอปปรึกษาจิตแพทย์และนักจิตวิทยา #mentalhealth #สุขภาพจิต #เครียด #ซึมเศร้า #พบจิตแพทย์