มากอดกันไหม ? วันที่ใจเราต่างเหนื่อยล้า

‘ถ้าเราหายไปก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง’ 😢

เคยรู้สึกแบบนี้เหมือนกันไหม ? เหมือนเราเป็นเพียงเศษเสี้ยวแสนไร้ค่าเมื่อเทียบกับผู้คนมากมายที่ต่างเดินหน้าไปถึงไหนต่อไหน ยิ่งนานวันไปก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองนั้นเล็กเสียจนหายไปก็คงไม่มีใครรู้

“เหนื่อยมาก เหนื่อยจัง เหนื่อยจริงๆ”

ท่อนหนึ่งจากบทเพลง Hug (กอด) – Seventeen ศิลปินชาวเกาหลีใต้ ทำเอาน้ำตาไหลลงมาโดยที่ไม่รู้ตัว ราวกับเสียงสะท้อนที่อยู่ในใจถูกขับขานออกไปผ่านคำร้องและทำนองที่แสนอ่อนโยน ชวนให้หันกลับไปมองแต่ละก้าวเดินที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ เรากำลังใจร้ายกับตัวเองอยู่หรือเปล่านะ ?

สิ่งรอบตัวมากมายกำลังบีบอัดเราให้เล็กลงไปเรื่อย ๆ จนความรู้สึกของเราแตกสลายไปพร้อมกับหัวใจที่เก็บไว้แต่ความเจ็บปวด รู้ตัวอีกทีก็ลืมไปแล้วว่าความสุขเป็นอย่างไร ในตอนนั้นหากมีใครสักคนมากอดเราและถามว่า “เหนื่อยไหม” หัวใจดวงน้อยคงรับไม่ไหวจนเผลอแสดงความอ่อนแอออกไปให้ใครต่อใครได้เห็น

อยากจะบอกออกไปให้ใครต่อใครได้รู้ว่าแต่ละวันที่ผ่านไปมันแสนจะลำบากยากเย็นเพียงใด ว่าหัวใจดวงนี้กำลังจะรับอะไรต่อไปไม่ไหวแล้ว แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่เก็บคำพูดเหล่านั้นไว้ในใจ เพราะมองออกไปก็เห็นแต่คนที่พยายามอย่างหนักเช่นเดียวกัน ยิ่งเห็นแบบนั้นมากเท่าไร ยิ่งเข้าใจความเหนื่อยล้านั้นมากเท่าไร ยิ่งพูดออกไปไม่ได้เท่านั้น

ขอโทษนะที่เป็นคนอ่อนแอ

ขอโทษนะที่เป็นคนไม่เอาไหน

ขอโทษนะที่เป็นคนไม่เก่ง

ขอโทษนะที่เกิดมา

ได้แต่ตะโกนร้องอยู่ในใจ เพราะความคาดหวังมากมายให้เราต้องโตขึ้น ต้องพัฒนามากกว่านี้ ต้องเก่งมากกว่านี้ แต่นานวันเข้าความกดดันกลับเข้ามาแทนที่จนเผลอรู้สึกผิดที่ตนเองไม่เดินหน้าต่อไปไหนเสียที หากใครที่กำลังรู้สึกแบบเดียวกัน ลองกดเปิดเพลงนี้ขึ้นฟังแล้วปล่อยให้ใจได้รับคำปลอบโยนดูสักครั้ง

“ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกนะ

ไม่ต้องกังวลอะไร

ไม่ต้องกลัวนะ”

ความอ่อนแอไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ไม่เป็นอะไรเลยหากจะมีสักวันที่เหนื่อยล้าหรือท้อแท้ ไม่เป็นไรเลยที่ไม่ได้เก่งเหมือนคนอื่นเขา เพราะแค่มีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว ขอเพียงยังหายใจ วันพรุ่งนี้และการเริ่มต้นใหม่จะมาอีกครั้ง ถึงตอนนั้นไม่ต้องกลัวไป มาจับมือกันเอาไว้ แล้วเผชิญหน้ากับมันไปด้วยกันนะ

“เพราะสำหรับฉัน เธอนั้นสำคัญมากกว่าใคร”

“แด่เธอ…ที่ผ่านแต่ละวันอย่างยากลำบาก ฉันอยากบอกบางอย่างกับเธอไว้

ว่าเธอยังมีฉัน ว่าเธอทำได้ดีมากแล้ว ว่าฉันรักเธอนะ

และฉันจะกอดเธอไว้เอง”

เช่นเดียวกับชื่อมินิอัลบั้มที่มาในธีม ‘YOU MADE MY DAWN’ ที่ส่งผ่านเสียงสะท้อนของหัวใจมากพร้อมกับความห่วงใยและคำปลอบโยน หวังว่าเพลงนี้จะส่งไปถึงคนที่กำลังฟังอยู่และทำให้อีกหนึ่งวันที่แสนเหนื่อยล้าจบลงไปพร้อมกับความรู้สึกดี ๆ

💎 ฟังเพลง Hug – Seventeen ได้ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=j69PEX9bzRY

ใครที่เห็นเพื่อนกำลังเผชิญหน้ากับความเจ็บปวด ก็ลองส่งเพลงนี้ให้เป็นกำลังใจ แทนข้อความว่า ‘ฉันจะอยู่ข้างเธอเสมอ’ หรือใครที่กำลังเหนื่อยล้าทั้งกายและใจจากการทำงานมาทั้งวัน ก็ลองเปิดเพลงขึ้นขึ้นมาฟังและอนุญาตให้ตนเองได้ร้องไห้ ระบายความอึดอัดที่เก็บมาตลอดออกไปบ้างสักครั้ง และหากใครที่เหนื่อยกายท้อใจ หันไปทางไหนก็มืดมน อยากได้ใครสักคนคอยรับฟังเรื่องราวและก้าวผ่านวันนี้ไปด้วยกัน อูก้ายังคงอยู่ตรงนี้ พร้อมรับฟังและจับมือทุกคนไว้ ไม่ว่าเมื่อไรก็ติดต่อมาได้เสมอเลยนะ 💚💙

#OOCAinsight

________________________________⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀

ปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาผ่านวิดีโอคอล นัดคุยได้เลย
🔹 ดาวน์โหลดแอปฯ หรือคุยผ่านเว็บไซต์ > https://ooca.page.link/2zqc
✨ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและบริการของ ooca ได้ที่ > https://ooca.page.link/oocaservice
📬 พบปัญหาการใช้งาน ทักแชทมาหาเรา > http://bit.ly/msgfbooca.⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀

#OOCAitsOK #WeWillListen #เรื่องของใจให้เรารับฟัง #แอปปรึกษาจิตแพทย์และนักจิตวิทยา #mentalhealth #สุขภาพจิต #เครียด #ซึมเศร้า #พบจิตแพทย์

Read More
โควิด เครียด ฆ่าตัวตาย

เมื่อโควิดทำให้คนคิด..ฆ่าตัวตาย สัญญาณอันตรายที่ต้องระวัง!

สถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 นำมาซึ่งความรู้สึกวิตกกังวลและความรู้สึกสิ้นหวังของใครหลาย ๆ คน จนทำให้เราได้ยินข่าวเศร้าของคนที่ตัดสินใจ “ฆ่าตัวตาย” จากสถานการณ์อันน่าหดหู่ใจที่เกิดขึ้นนี้ ซึ่งหลาย ๆ ครั้งเหตุผลในการเลือกจากไปก็มีความเชื่อมโยงกับ “โควิด” ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกท้อแท้ หดหู่ สิ้นหวัง หวาดกลัวที่จะป่วยหรือจะกลายเป็นภาระของคนรอบข้าง ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโควิดไม่ได้ส่งผลกระทบแค่เพียงร่างกาย แต่ส่งผลกระทบต่อจิตใจในระดับที่ทำให้หลายชีวิตต้องจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ

“ความเครียดพุ่งสูง ยอดฆ่าตัวตายเพิ่ม สวนทางกับสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลง”

ย้อนไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้เห็นข่าวของการฆ่าตัวตายที่มีเหตุผลเกี่ยวข้องกับสถานการณ์โควิดอยู่หลายครั้ง ซึ่งสิ่งที่น่าเศร้าคือโควิดทำให้เกิดความเครียดที่พุ่งสูงขึ้น สวนทางกับสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลง จนทำให้หลายคนเกิดความเครียดสะสม และเมื่อรู้สึกว่าไม่เห็นทางออกใด ๆ การฆ่าตัวตายจึงกลายมาเป็นทางออก

ซึ่งปัญหาอัตราการฆ่าตัวตายในช่วงสถานการณ์โควิดนั้นเกิดขึ้นทั่วโลก และตัวเลขกำลังไต่ระดับขึ้นสูงอย่างน่าตกใจ จุดเริ่มต้นของปัญหานี้หลัก ๆ มาจากความเครียดที่พัฒนาไปเป็นความกังวล ความสิ้นหวัง และความรู้สึกแตกสลายจากการที่โควิดพรากเอาทั้งหน้าที่การงาน ครอบครัว และชีวิตความเป็นอยู่ให้เปลี่ยนไปตลอดกาล นับว่าเป็นอีกวิกฤตหนึ่งที่เราควรเฝ้าระวัง โดยเฉพาะในประเทศไทยที่กำลังมีตัวเลขอัตราการฆ่าตัวตายในปีหลัง ๆ สูงขึ้นเช่นกัน

“ยิ่งโควิดระบาดยาวนาน คนที่ได้รับผลกระทบและเสี่ยงฆ่าตัวตายยิ่งขยาย”

โดยอธิบดีกรมสุขภาพจิต พญ.พรรณพิมล วิปุลากร เคยให้ข้อมูลการติดตามอัตราการฆ่าตัวตายของคนไทยกับทางไทยรัฐออนไลน์ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564 ไว้ว่า คนไทยมีอัตราการฆ่าตัวตายที่ค่อย ๆ ไต่ระดับสูงขึ้น โดยในปี 2563 มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงถึง 7.3 คนต่อแสนประชากร โดยกลุ่มเสี่ยงที่ฆ่าตัวตายมีปัจจัยมาจากกลุ่มผู้มีปัญหาความสัมพันธ์ส่วนบุคคลในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด กลุ่มผู้เจ็บป่วยเรื้อรังหรือมีปัญหาสุขภาพจิต หรือมีภาวะซึมเศร้า และกลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจ

ซึ่งในช่วงปี 2563 กลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และเป็นกลุ่มที่ต้องเพิ่มการเฝ้าระวังมากขึ้น ซึ่งกลุ่มนี้เราอาจจะเรียกได้ว่า “ยิ่งโควิดยาว ยิ่งทำให้กลุ่มขยาย” เพราะคนกลุ่มนี้คือผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง หลายคนกลายเป็นคนว่างงาน หลายคนสถานะการเงินไม่ดีอยู่แล้วก็ยิ่งโดนเหยียบซ้ำไปใหญ่ สุดท้ายก็กลายเป็นหนึ่งคนที่เลือกการฆ่าตัวตายเป็นคำตอบให้ตัวเอง

สัญญาณที่บ่งบอกว่าคนรอบข้างอาจคิด ‘ฆ่าตัวตาย'”

ในสถานการณ์โควิดแบบนี้ การสังเกตสัญญาณอันตรายสู่การฆ่าตัวตายจึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความใส่ใจเป็นอย่างมาก โดยข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ระบุถึงสัญญาณของการฆ่าตัวตายที่สามารถสังเกตได้ เช่น

🙅🏻‍♂️ เริ่มแยกตัวออกจากสังคม อยู่โดดเดี่ยว

🤐 ไม่พูดกับใคร ไม่ติดต่อกับใคร

😩 มีอาการนอนไม่หลับเป็นเวลานาน

😰 หน้าตาเศร้าหมอง อมทุกข์อยู่ตลอดเวลา

🤯 มีความวิตกกังวลถึงสิ่งต่าง ๆ อย่างไม่สามารถปล่อยวางได้

😭 ชอบพูดว่าอยากตายหรือไม่อยากมีชีวิตอยู่ หรือบางครั้งก็โพสต์ข้อความสั่งเสีย

😤 บางรายอาจจะมีอารมณ์ที่แปรปรวน เช่น จากที่เคยเศร้ามานาน ก็กลายเป็นสบายใจอย่างผิดหูผิดตา

“คนใกล้ชิดช่วยได้ เป็นที่พักใจให้เบื้องต้น”

สัญญาณการฆ่าตัวตายเหล่านี้ หากญาติพี่น้องหรือคนสนิทพบเจอจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ดังนั้นหากเราพบสัญญาณการคิดฆ่าตัวตายจากคนใกล้ตัว เราอาจจะให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น ดังนี้

  1. แสดงความเต็มใจช่วยเหลือ

สิ่งแรกที่เราสามารถทำได้คือการแสดงความเต็มใจช่วยเหลือ เพราะสิ่งหนึ่งที่เป็นสาเหตุให้คนอยากฆ่าตัวตายตัดสินใจทำให้สำเร็จ ก็คือความรู้สึกเป็นภาระต่อคนรอบข้าง หลายคนที่ฆ่าตัวตายคิดว่าสิ่งนี้จะช่วยจบปัญหาให้กับเขาและคนรอบข้างได้ ย่ิงในสถานการณ์โควิดความรู้สึกสิ้นหวังก็ยิ่งสูงขึ้น ปัญหาอันเนื่องมาจากโควิดก็มากขึ้น ทำให้คนอยากฆ่าตัวตายอาจจะมีมากขึ้นตามไปด้วย

  1. ตั้งใจรับฟัง

ถ้าเราเจอกับสถานการณ์คนใกล้ตัวอยากฆ่าตัวตายแล้วไม่รู้ว่าจะต้องพูดอย่างไร ให้เราตั้งใจรับฟัง สนใจกับสิ่งที่เขาพูดอย่างจริงจังโดยไม่ตัดสินไปว่าปัญหานั้นเล็กหรือใหญ่ หลาย ๆ คนที่เผชิญกับสถานการณ์ที่คนใกล้ตัวคิดอยากฆ่าตัวตายอาจจะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร แต่สิ่งหนึ่งที่คุณทำได้ก็คือ “การฟัง” ให้อีกฝ่ายได้ระบายปัญหาโดยมีเรารับฟังอย่างจริงใจ

  1. ถามให้เล่า ชวนสะท้อนความคิด

ใช้วิธีการทวนคำพูดของพวกเขา เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราตั้งใจรับฟัง ตั้งใจรับรู้ความรู้สึกและพยายามที่จะเข้าใจเขา พยายามให้เขาพูดเล่าเรื่องราว ความรู้สึกคับข้องใจที่เกิดขึ้นว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขาอยากฆ่าตัวตาย สิ่งใดที่ป้องกันไม่ให้เขาฆ่าตัวตาย

4. ภาษากายนั้นสำคัญ

แสดงความเห็นอกเห็นใจผ่านทั้งสีหน้าและภาษากายว่าเราตั้งใจฟังเขาจริง ๆ ไม่ตัดสิน ไม่สั่งสอน ไม่พูดปัดความรู้สึกของคนที่อยากฆ่าตัวตายว่าเป็นเรื่องที่เล็กน้อย

5. ระวังคำพูดท่ีใช้

เช่น “ดูสิว่าคนนั้นยังผ่านไปได้” ซึ่งจะกลายเป็นการตัดสินว่าคนที่อยากฆ่าตัวตายไม่เข้มแข็งพอ “อย่าไปคิดมากเลย” ซึ่งกลายเป็นว่าเขาผิดใช่ไหมที่คิดมากไปจนอยากฆ่าตัวตาย ให้โอกาสเขาได้ระบายความทุกข์ ที่ทำให้เขาได้ปลดปล่อยความคิดอยากฆ่าตัวตายออกมา และทำให้รู้สึกว่ายังมีคนรับฟังและเคียงข้างเขา

“ช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ต้องติดต่อแหล่งช่วยเหลืออย่างจริงจัง เพื่อป้องกันและยับยั้งการฆ่าตัวตายสำเร็จ”

วิธีการ 5 ข้อที่เราแนะนำเป็นเป็นเพียงสิ่งที่เราสามารถทำเองได้เพื่อยับยั้งการฆ่าตัวตายเบื้องต้น แต่อีกสิ่งที่สำคัญคือการติดต่อหาแหล่งช่วยเหลืออย่างจริงจัง เพราะความรู้สึกอยากฆ่าตัวตายไม่ใช้สิ่งที่เกิดขึ้นและจะหายไปเองได้ตลอด ซึ่งเราสามารถช่วยเหลือต่อไปได้ดังนี้

1. พาไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต

ผู้ที่คิดฆ่าตัวตายทุกรายต้องได้รับการตรวจประเมินสภาพจิต เพราะอาจจะเกิดจากการป่วยเป็นโรคจิตเวชบางประการ เช่น โรคซึมเศร้า ไบโพล่าร์ ซึ่งต้องได้รับการบำบัดรักษาและดูแลอย่างต่อเนื่องจากผู้เชี่ยวชาญ

2. กระตุ้นให้ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต

ผู้เชี่ยวชาญอาจจะแนะนำให้คนใกล้ตัวชวนผู้ที่มีความคิดฆ่าตัวตาย เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตบางอย่างให้ดียิ่งขึ้น เช่น ชักชวนให้ออกกำลังกาย ทำกิจกรรมใหม่ ๆ ที่ได้ติดต่อสื่อสารกับผู้คน เน้นการดูแลสุขภาพของตัวเองมากขึ้น

3. ติดตามการรักษา

หลังจากที่ได้พบแพทย์และได้รับยาหรือวิธีการบำบัดมา คนใกล้ชิดก็ควรจะช่วยตรวจสอบว่าเขาได้ทำตามที่แพทย์แนะนำอย่างสม่ำเสมอ หากอาการไม่ดีขึ้นต้องรีบแจ้งแพทย์ทันที

“ไม่ได้มีความคิดอยากฆ่าตัวตายก็พบจิตแพทย์ได้”

รู้ไหมว่า คนทั่วไปก็สามารถเข้ารับการปรึกษากับจิตแพทย์ได้ด้วยเช่นกัน เพราะการเข้าพบจิตแพทย์ช่วยให้สุขภาพจิตของเราดีขึ้นได้ ทำให้เรามีความเข้าใจใจตนเองมากขึ้น ผ่านการพูดคุยกับจิตแพทย์ที่จะทำหน้าที่สะท้อนความรู้สึกของเรา ทำให้เรามองเห็นตัวเอง ยอมรับปัญหาที่เกิดขึ้น

ซึ่งการยอมรับตัวเอง นับว่าเป็นด่านแรกของการแก้ไขปัญหา และยังทำให้คนรอบข้างเข้าใจผู้ป่วยมากขึ้น การยอมรับตัวเองของคนที่คิดฆ่าตัวตายก็จะนำไปสู่การบำบัดและรักษาที่จะทำให้อาการบรรเทาลง ถึงแม้ว่าความรู้สึกอยากฆ่าตัวตายอาจจะไม่ได้หายไปในทันทีทันใด แต่ก็อาจจะทำให้รู้สึกทุกข์ทรมานน้อยลง เพราะได้ผู้รับฟังที่เชี่ยวชาญในการดูแลใจคอยอยู่เคียงข้าง

ในช่วงสถานการณ์โควิดที่ยากลำบากนี้ หากคุณ หรือคนใกล้ตัวกำลังเป็นอีกคนที่รู้สึกทุกข์ใจจนเคยคิดอยากฆ่าตัวตาย อูก้าขอจับมือคุณไว้แน่น ๆ และขอโอบกอดให้กำลังใจ คุณสามารถติดต่อเรามาได้เสมอ อูก้าและทีมนักจิตวิทยาแลทีมจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมรับฟังคุณจากหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่ทำให้ใจของคุณหนักแค่ไหน ให้เราได้ช่วยคุณบรรเทาความรู้สึกตรงนี้ลงนะคะ คุณมีเราเคียงข้างเสมอ


ปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาผ่านวิดีโอคอล นัดคุยได้เลย
🔹 ดาวน์โหลดแอปฯ หรือคุยผ่านเว็บไซต์ > https://ooca.page.link/sccovid19blog
✨ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและบริการของ ooca ได้ที่ https://ooca.page.link/oocaservice
📬 พบปัญหาการใช้งาน ทักแชทมาหาเรา > bit.ly/msgfbooca

#OOCAitsOK #WeWillListen #เรื่องของใจให้เรารับฟัง #แอปปรึกษาจิตแพทย์และนักจิตวิทยา #mentalhealth #สุขภาพจิต #เครียด #ซึมเศร้า #พบจิตแพทย์ #COVID19

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.moph.go.th/index.php/news/read/222

https://www.cigna.co.th/health-wellness/tip/jigsawforgoodlife-ep4

https://www.hfocus.org/content/2019/09/17809

https://www.thairath.co.th/news/society/2025792

https://med.mahidol.ac.th/ramamental/generalknowledge/general/09042014-1134

https://www.facebook.com/740509479323038/posts/3345507885489838/

Read More
cover education

เรื่องของใจกับการศึกษาไทย

“ผมว่าบรรยากาศของห้องเรียนเนี่ยมันบอกอะไรเราเยอะ เกี่ยวกับบรรยากาศของวัฒนธรรมของประเทศภาพรวม”

– คุณไอติม พริษฐ์

หลายๆ คนอาจจะได้ดู #MindTalk ในตอนของ คุณไอติม พริษฐ์ กันไปบ้างแล้ว ซึ่งจะเห็นได้ว่าวงการการศึกษานั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยพัฒนาประเทศของเราได้ หากเกิดปัญหาขึ้น แน่นอนว่าต้องกระทบทั้งตัวนักเรียน ผู้ปกครอง โรงเรียน ครู รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง นักเรียนคือผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะถือว่าเป็นวัยเริ่มต้นของการเรียนรู้ ได้ออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงครั้งแรก คือ ที่โรงเรียน ถ้าระบบการศึกษาดี เด็กๆ ก็จะสามารถโตไปอย่างมีคุณภาพได้

Read More