ก่อนจะอ่านบทความว่า #การให้ ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้อย่างไร อยากให้จำไว้ก่อนว่า การให้ ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นเสมอไป บางครั้งมันอาจทำให้เรารู้สึกถูกบั่นทอนหรือถูกเอาเปรียบได้เช่นกัน การให้จากใจจริงเท่านั้นที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ ไม่เกี่ยวกับว่าให้เท่าไหร่ หรือให้อะไร แต่ต้องให้เพราะอยากจะให้ ดังนั้นไม่ต้องฝืนใจบุญกันเน้อ ขอให้เป็นไปโดยธรรมชาติ กับเรื่องที่เราสนใจและใส่ใจจริง ๆ

วิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์ผ่านเทคโนโลยี MRI แล้วว่า สมองของผู้คนที่พึ่งผ่านการทำบุญ ทำงานการกุศล จะถูกกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกดี พร้อมทั้งยังกระตุ้นระบบเผาผลาญอีกด้วย เพราะกิจกรรมที่เกี่ยวกับการให้ การช่วยเหลือ ความห่วงใย เอื้ออาทร เชื่อมโยงกับสมองหลายส่วน ได้แก่:
.
– สมองส่วนที่จะถูกกระตุ้นด้วยอาหารและเซ็กส์
– สมองส่วนที่เกี่ยวกับความรู้สึกว่าได้รับรางวัล
.
ซึ่งทำให้เรารู้สึกดี!
มีกำลังใจ!
รู้สึกว่าชีวิตมีเป้าหมาย!
เกิดความขอบคุณ!
มีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่! นำไปสู่การมีความสุขได้ง่ายขึ้นในแต่ละวัน
จึงไม่แปลกถ้าจะมีบางคนเสพติดอยากจะช่วยเหลือคนอีกเรื่อย ๆ
.
#การให้จากใจ มักเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรากำลังสนใจ อาจเป็นความฝัน ความต้องการ และเรื่องที่เราใส่ใจ การให้จากใจจึงคล้ายเป็นการเติมเต็มจิตใจและความต้องการของผู้ให้ไปในตัว
.
นอกจากนี้ งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเท็กซัสพบว่า งานอาสาช่วยให้เราเข้าถึงความต้องการทางสังคมและจิตวิทยา ซึ่งช่วยหักล้างความเหงา ความรู้สึกคิดลบทั้งหลายลงไป
เพิ่มความรู้สึกเชื่อมโยงกับสิ่งรอบด้าน เป็นการเริ่มต้นทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า และอาจกลายเป็นความภาคภูมิใจในตัวเองได้ในที่สุด เมื่อเราทำงานอาสาอย่างต่อเนื่อง
.
การให้ จึงไม่เพียงทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณค่า แต่อาจมีผลดีต่อสุขภาพกายของเรา ทำให้เรากระฉับกระเฉงขึ้น และร่างกายแข็งแรงอีกด้วย การให้ จึงอาจเป็นกุญแจหนึ่งที่นำไปสู่การมีชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุข
.
ขอบคุณข้อมูลจาก:
https://thriveglobal.com/stories/why-science-says-helping-others-makes-us-happier/
https://time.com/collection/guide-to-happiness/4070299/secret-to-happiness/
https://thriveglobal.com/stories/why-science-says-helping-others-makes-us-happier/